ฟุตบอลโลก 2022 กาตาร์ลงทุนสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะได้กลับมาแค่ไหน

ฟุตบอลโลก 2022 กาตาร์

มหกรรมกีฬาสุดยอดอย่าง ฟุตบอลโลก 2022 (FIFA World Cup 2022) รอบสุดท้ายระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม 2022 กำลังจะเปิดฉากขึ้นเร็ว ๆ นี้

ชื่อของประเทศผู้จัดงานจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่าง ‘กาตาร์’ ถูกกล่าวถึงมาตลอดโดยเฉพาะประเด็นข่าวฉาวทั้งเรื่องของการยื่นข้อเสนอจำนวนรวมกว่า 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(FIFA) เพื่อสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2022

หรือถึงแม้แต่ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่หลังการจับสลากฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่มผ่านมาได้ไม่กี่วัน องค์กรสิทธิมนุษยชน (Amnesty) ก็ออกมาแฉว่า มีแรงงานข้ามชาติทำงานโดยไม่มีวันหยุดติดต่อกันหลายเดือน เพราะเหตุว่านายจ้างไม่ให้วันหยุดประจำอาทิตย์ตามที่กฎหมายกาตาร์กำหนด

และก็เมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) เซปป์ แบลตเตอร์ (Sepp Blatter) อดีตประธานของสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ออกมาเปิดใจผ่านสื่อในประเทศประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งแม่งานของฟีฟ่า และก็มอบให้กาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ว่า การยกให้ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก 2022 เป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิต ด้วยความที่ กาตาร์เป็นประเทศที่เล็กเกินกว่าที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ไหน ๆ

ประเทศที่มีประชากรอยู่ที่ประมาณ 2.9 ล้านคน แต่ร่ำรวยติดอันดับต้น ๆ ของโลก ได้ประโยชน์แบบคุ้มได้คุ้มเสียจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกมากแค่ไหน ย้อนทำความเข้าใจและก็ทบทวนไปพร้อมเพียงกัน

กาตาร์เป็นประเทศเล็ก ๆ ในตะวันออกกลางที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี มีรายได้ประชากรต่อหัวสูงเป็นลำดับต้นของโลก และก็สูงที่สุดในกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council) จากอดีตที่โดยมากจะมีอาชีพทำประมง แต่จากการค้นพบน้ำมันและก็แหล่งก๊าซธรรมชาติในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ทำให้ภาพลักษณ์ของกาตาร์เปลี่ยนไป

การที่กาตาร์มีทรัพยากรที่สำคัญคือ น้ำมัน ก๊าสธรรมชาติ ทรัพยากรประมง โดยเฉพาะแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากรัสเซียและก็ประเทศอิหร่าน นำมาซึ่งการทำให้ตอนนี้กาตาร์เองมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และก็การเมืองระหว่างประเทศ

กาตาร์ ฟุตบอลโลก 2022

จริงที่ว่าการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ฟุตบอลโลก จะเป็นเครื่องมือสำคัญทาง เศรษฐกิจ

ที่จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาในประเทศมหาศาลจากทั้งการท่องเที่ยว การค้า และก็อานิสงส์ในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าลงทุนในประเทศในอนาคต แต่ก็ต้องแลกเปลี่ยนกับการลงทุนการพัฒนาโครงสร้างเบื้องต้นต่าง ๆ และก็สร้างสนามกีฬารองรับการแข่งขันให้ได้มาตรฐานสุดยอด ข้อมูลจากดีลอยต์ (Deloitte) ระบุว่า กาตาร์ทุ่มงบลงทุนกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการสร้างโครงสร้างเบื้องต้น และก็โครงการพัฒนาอื่นๆนับตั้งแต่ชนะการประมูลเพื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 โดยใช้เงินประมาณ6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐสร้างสนามกีฬา 8 แห่ง ตามเมืองต่างๆ5 เมืองด้วยกัน ได้แก่ โดฮา, ลูซาอิล, อัล กอร์, อัล รายยาน และก็อัล วาคราห์ รวมทั้งลงทุนอีกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างรถไฟใต้ดิน สนามบินแห่งใหม่ สร้างถนน และก็โครงสร้างเบื้องต้นอื่น ๆ

งบลงทุนที่สูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้นับเป็นตัวเลขที่สูงกว่างบลงทุนการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่าน ๆ มาเป็นอย่างมาก มากเกือบจะถึง 20 เท่าตัว

ฟุตบอลโลก 2014ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ใช้งบลงทุนประมาณ11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ฟุตบอลโลก 2018ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ ใช้งบลงทุนประมาณ14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อไม่นานมานี้ ฟาตมา อัล นูไอมี (Fatma Al-Nuaimi) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 เปิดเผยว่า การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Qatar National Vision 2030 ที่รัฐบาลใช้โอกาสในการสร้างและก็พัฒนาสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยของกาตาร์ โดยงบที่ทะเยอทะยานถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้เป็นแผนงานที่จัดเตรียมไว้ก่อนรับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

ถึงแม้กาตาร์จะยืนยันว่าการทุ่มงบลงทุนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาประเทศของกาตาร์ แต่หลากหลายคำถามที่ตามมาคือ การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกจะสามารถสร้างเม็ดเงิน สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศผู้จัดงานได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าก็มีตัวอย่างมาก่อนหน้านี้ อย่างกรณีบราซิลที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งมหกรรมฟุตบอลโลกสร้างรายได้ให้บราซิลได้ไม่ถึงครึ่งของเงินที่ลงทุนไป ขาดทุนถึง 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

World Economic Forum เคยให้มุมมองถึงประเด็นการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกกับความหมายทางเศรษฐกิจไว้เมื่อหลายปีก่อน สรุปรวม ๆ ได้ว่า การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกอาจได้ไม่คุ้มเสียเพราะว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไปมีมากกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้กลับมา เพราะว่ามีค่าเสียโอกาสในการลงทุนก่อสร้างและก็พัฒนาโครงสร้างเบื้องต้นของประเทศ และก็แม้ว่าจะดึงดูดแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมาท่องเที่ยวได้ แต่ก็อาจจะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไป เพราะว่านักท่องเที่ยวทั่วไปอาจจะต้องหลีกหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเที่ยวในสถานที่นั้นๆในช่วงจัดการแข่งขัน รวมทั้งรายได้โดยมากที่เกิดขึ้นก็จะตกอยู่ที่ผู้จัดการแข่งขัน

ในข้อมูลระบุว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) สร้างรายได้เกือบจะ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 โดยมากกว่าครึ่งของรายได้มาจากการขายสิทธิ์การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

ฟุตบอลโลก 2022

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายนี้

Capital Economics บริษัทวิจัยในลอนดอนระบุว่า จากยอดการจำหน่ายตั๋วนั้นประเมินได้ว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 ล้านคน เดินทางไปกาตาร์เพื่อไปฟุตบอลโลก และก็หากแต่ละคนมาพักจำนวน 10 วันและก็ใช้จ่ายวันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ก็จะนำมาซึ่งการทำให้เศรษฐกิจของกาตาร์ในปีนี้โตเพิ่มขึ้น 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วน Oxford Economics คิดว่า ฟุตบอลโลกครั้งแรกของตะวันออกกลางที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ GCC ในวงกว้าง จากการฟื้นตัวของการเดินทางและก็การท่องเที่ยว โดยคาดว่าภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมันของภูมิภาคนี้ (Region’s non-oil sector) ในปี 2022 และก็ 2023 จะขยายตัว 4.9% และก็ 3.4% เป็นลำดับ และก็จะทำให้เศรษฐกิจกาตาร์ในฝั่งของอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมันเติบโต 7.6% นับเป็นอัตราที่เติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015

อีกราว ๆ1อาทิตย์ที่การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายจะเปิดฉากขึ้นที่กาตาร์ และก็มียาวๆไปประมาณ1 เดือนจะสร้างประโยชน์ และก็รายได้ทางเศรษฐกิจ ช่วยหนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านอาหารและก็สายการบินมากน้อยให้กับกาตาร์และก็ประเทศในภูมิภาคแค่ไหนต้องติดตามดู